22 กันยายน 2557

หลักการเขียนอีบุ๊ค (ebook)

หลักการเขียนอีบุ๊ค (ebook) 

 

หลักการในการเขียนอีบุ๊คที่ดี หลัการณ์นี้เป็นหลักการความคิดและเป็นแนวทางของผมของผมเพียงคนเดียว

1 หัวข้อ เรื่อง หรือ เรื่องที่จะนำมาเขียนก่อน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าส่วนอื่น ผมมองส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะหัวเรื่องไม่ดี หรือไม่น่าสนใจแล้ว มันสามารถบ่งบอกว่าเนื้อหาในเรื่องก็คงไม่น่าสนใจเท่าไร ดังนั้นการคิดชื่อเรื่อง ต้องตั้งให้มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ผู้ที่พบเห็นมีความสนใจในเรื่องที่ เราเขียน ทางที่ดีหาข้อมูลก่อนก็ได้ครับว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่สนใจเรื่องอะไรกัน ก็ทำเรื่องนั้นก็ได้ 
2 รวบรวมเนื้อหาและข้อมูลที่เราจะเขีียนเรื่องนั้นๆให้ได้มากที่สุด อาจจะเป็นข้อมูลหรือ Information ของตัวเราเองนำออกมาเขียนก็ได้ เช่นเรามีความรู้เรื่องอะไรก็เขียนมันออกมา 
3 ร่างรูปแบบเนื้อหาใน หนังสือให้เหมือนจริงมากที่สุด โดยการร่างและเขียนลงในสมุดเปล่าๆ 1 เล่ม เพื่อลดความผิดพลาดในการเขียนเนื้อเรื่องจริงๆ จะได้ไม่เขียนวกไปวนมาทำให้อ่านแล้วงงๆ โดยมีส่วนสำคัญดังนี้ ที่ต้องมี แต่ไม่ได้บังคับ เช่น มีคำนำ , สารบัญ,เนื้อเรื่อง, จำนวนหน้า,บทสรุปหรือบทส่งท้าย,และแหล่งที่มาของข้อมูล นี่เป็นตัวอย่างคราวๆที่สมควรจะมี แต่ขึ้นอยู่การวางรูปแบบของบางคนซึ่งไม่มีตายตัวว่าจะทำในลักษณะไหน 
การหาข้อมูลนั้นให้หามาอย่างเดียวนะครับ ไม่ได้ให้ไป copy ของเขามาทั้งหมด ให้เราเขียนและเรียบเรียงใหม่โดยใช้ความคิดและแพลตฟอร์มที่เป็นตัวของเราเอง 

3 วางแผนเวลาในการเขียนอีบุ๊คของเราว่าจะเขียนให้เสร็จใช้เวลากี่วัน เช่นต้องเขียนให้เสร็จภายใน 1 เดือน แล้วก็แบ่งเวลาในแต่ละวันว่าจะเขียนวันละกี่ชั่วโมง 
4 เริ่มลงมือเขียน โดยเริ่มลงมือเขียนตามรูปแบบที่เราร่างไว้ในสมุดนั้น เราก็พิมพ์ตามที่เราวางแผนไว้ ตรงนี้อาจจะใช้เวลาพอสมควรมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน การเขียนที่ดีเขียนให้เหมือนการพูดคุยกับเพื่อน หรือเหมือนพูดกับคนทั่วๆไปไม่ต้องเป็นทางการมาก การเขียนเหมือนการพูดจะทำให้เข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการเขียนที่เป็น วิชาการ ก็แล้วแต่ละคนอีกบางคนชอบเขียนแบบเล่าเรื่อง บางคนชอบเขียนให้เป็นแบบมาตรฐานตามหลักวิชาการ ซึ่งการเขียนทั้ง 2 แบบไม่มีผิดไม่มีถูกสามารถเขียนได้ทั้ง 2 แบบ 
5 ให้ตัดเรื่องเงินหรือผลตอบแทนออกไปจากหัวของเราก่อน เพราะถ้าเรามัวแต่คิดถึงเรื่องผลตอบ แทนหรือรายได้ มันจะทำให้ผลงานที่เราเขียนนั้นออกมาไม่ดี ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นถ้าเราเขียนออกมาดี รายได้หรือผลตอบแทนมันก็จะเป็นไปตามเนื้อผ้าครับ เนื้อผ้าดีราคาก็ดีตามมาครับ ผ้าดีราคาแพงคนสนใจยังไงก็ซื้อครับไม่ต้องห่วงเรื่องราคาครับ 
6 ตรวจทานคำผิดและความถูกต้องของเนื้อหา เช่นมีพิมพ์ตกหล่นหรือสะกดคำผิดบ้างหรือเปล่า ผมรับรองว่าต้องมีแน่นอนเพราะเราพิมพ์อย่างเดียวเพื่อให้เสร็จทันเวลา ดังนั้นต้องมาตรวจความผิดพลาดภายหลังเพื่อความถูกต้องของเนื้อหาก่อนที่จะนำ ออกจำหน่าย ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลา 2-3 วันในการอ่านเนื้อหา และการตรวจหาคำผิดต่างๆ อย่าลืมเราต้องอ่านเนื้อหาภายในเล่มของเราด้วยเพื่อทำความเข้าใจ ว่าลูกค้าอ่านแล้วเข้าใจมากน้อยนาดไหนในเนื้อเรื่องที่เราเขียน 
7 ออกวางจำหน่ายหรือวางขาย การวางขายนั้นถ้ากรณีเรามีเว็บไซต์หรือบล็อกของตัวเองเราก็นำไปวางขายที่ หน้าเว็บของเราเอง ซึ่งข้อดีก็คือเราจะได้เงินเกือบ 100% แต่อาจจะต้องเสียค่าเช่าโฮสและค่าโดเมน 
กรณี ถ้าเราไม่มีเว็บไซต์หรือบล็อกของตัวเอง เราก็ไปฝากขายตามเว็บส่วนกลางที่เขารับเป็นนายหน้าให้ไปวางฝากขายหน้าร้าน ของเขา เช่น Mebmsrket.com , Ebooks.in.th และอื่นอีกหลายที่ 
เว็บ กลางเขาก็คิดเปอร์เซ็นต์ในการที่เราขายได้โดยเขาจะหักจากค่าใช้จ่ายต่างโดย ประมาณ 20-30% เลยทีเดียวซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เยอะพอสมควร 
*การเขียนอีบุ๊คนี้ที่สำคัญ มันเป็นรายได้ที่เป็นแบบ PassiveIncome ซะด้วยครับ ซึ่งเป็นรายได้ที่ใครต่อหลายๆคนสนใจกันมากในปัจจุบัน ซึ่งรายได้จะเข้ากระเป๋าเราตลอด ในการทำหรือสร้างผลงานเพียงครั้งเดียว*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น