ขายของกับลาซาด้า[Lazada]

ขายของกับลาซาด้า[Lazada] 

ขายของกับลาซาด้า [Lazada] มันดีอย่างไรมันดีแน่นอนครับว่าเพราะระบบการทำงานของลาซาด้าเป็นเว็บที่ทำระบบการขายแบบ Affiliate ระบบ Affiliateเป็น อย่างไรบางคนรู้แล้วบางคนยังไม่ทราบถ้าใครรู้ก็ผ่านไปได้เลยครับแต่ถ้าใคร ยังไม่รู้มันก็คือระบบการทำงานที่ให้เรานั้นเป็นเหมือนตัวแทนจำหน่ายพูด ง่ายๆก็คือให้เราเป็นนายหน้าเชิญชวนลูกค้าไปซื้อของที่เว็บไซต์ลาซาด้านั่น เอง พอจะมองภาพออกใช่ไหมครับแล้วถ้าลูกค้ามีการสั่งซื้อเราก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น เป็นการตอบแทนส่วนจะได้กี่เปอร์เซ็นต์มันขึ้นอยู่กับหมวดสินค้าด้วยครับ บางหมวดได้น้อยบางหมวดได้มาก  

หลักการทำก็ง่ายๆไม่ได้มีอะไรซับซ้อนดังตัวอย่างแบบคร่าวๆ 

1ให้คุณสร้างบล็อกหรือเว็บไซต์  
2 สมัครกับ Affiliate Program กับ ลาซาด้า [Lazada]  
3 นำแบนด์เนอร์หรือ ลิ้งค์ที่ได้จากลาซาด้านำมาวางบนเว็บไซต์หรือบล็อกของเรา  
4 หาลูกค้าเข้าเว็บหรือบล็อกของเราก่อนเพื่อที่จะส่งลูกค้าไปยังเว็บลาซาด้า(Lazada) ถ้าส่งผ่านโดยตรงโดยที่ไม่ผ่านเว็บหรือบล็อกของเราก่อน มันจะเป็นการผิดกฏของลาซาด้า แล้วเราจะโดนแบนทันที  
5 เมื่อลูกค้าเข้าไปที่ลาซาด้าแล้วเกิดสั่งซื้อสินค้าใดสินค้าหนึ่งเราจะได้ค่าคอมมิชชั่น  
6 ข้อดีอีกอย่างคือ เราสามารถใช้หรือสร้าง Facebook Fanpage ในการโปรโมทหรือโฆษณาได้แต่ต้องแจ้งชื่อ Facebook Fanpage ทุกPage หรือมีหลายเว็บต้องแจ้งชื่อทั้งหมดให้กับทีมงานลาซาด้า {Lazada} 

แค่นี้เองไม่ยากใช่ไหมครับแถมเราไม่ต้องทำอะไรมากด้วยทำเสร็จโปรโมทเว็บหรือบล็อกเมื่อลูกค้าเข้าแล้วซื้อเราก็จะได้เงินค่าคอมมิชชั่นนั่นเอง เราไม่ต้องดูแลมากมาย 

หลักการเขียนอีบุ๊ค (ebook)

หลักการเขียนอีบุ๊ค (ebook) 

 

หลักการในการเขียนอีบุ๊คที่ดี หลัการณ์นี้เป็นหลักการความคิดและเป็นแนวทางของผมของผมเพียงคนเดียว

1 หัวข้อ เรื่อง หรือ เรื่องที่จะนำมาเขียนก่อน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าส่วนอื่น ผมมองส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะหัวเรื่องไม่ดี หรือไม่น่าสนใจแล้ว มันสามารถบ่งบอกว่าเนื้อหาในเรื่องก็คงไม่น่าสนใจเท่าไร ดังนั้นการคิดชื่อเรื่อง ต้องตั้งให้มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ผู้ที่พบเห็นมีความสนใจในเรื่องที่ เราเขียน ทางที่ดีหาข้อมูลก่อนก็ได้ครับว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่สนใจเรื่องอะไรกัน ก็ทำเรื่องนั้นก็ได้ 

2 รวบรวมเนื้อหาและข้อมูลที่เราจะเขีียนเรื่องนั้นๆให้ได้มากที่สุด อาจจะเป็นข้อมูลหรือ Information ของตัวเราเองนำออกมาเขียนก็ได้ เช่นเรามีความรู้เรื่องอะไรก็เขียนมันออกมา 

3 ร่างรูปแบบเนื้อหาใน หนังสือให้เหมือนจริงมากที่สุด โดยการร่างและเขียนลงในสมุดเปล่าๆ 1 เล่ม เพื่อลดความผิดพลาดในการเขียนเนื้อเรื่องจริงๆ จะได้ไม่เขียนวกไปวนมาทำให้อ่านแล้วงงๆ โดยมีส่วนสำคัญดังนี้ ที่ต้องมี แต่ไม่ได้บังคับ เช่น มีคำนำ , สารบัญ,เนื้อเรื่อง, จำนวนหน้า,บทสรุปหรือบทส่งท้าย,และแหล่งที่มาของข้อมูล นี่เป็นตัวอย่างคราวๆที่สมควรจะมี แต่ขึ้นอยู่การวางรูปแบบของบางคนซึ่งไม่มีตายตัวว่าจะทำในลักษณะไหน 

การหาข้อมูลนั้นให้หามาอย่างเดียวนะครับ ไม่ได้ให้ไป copy ของเขามาทั้งหมด ให้เราเขียนและเรียบเรียงใหม่โดยใช้ความคิดและแพลตฟอร์มที่เป็นตัวของเราเอง 

ประสบความสำเร็จด้วยกฎแรงดึงดูด

ประสบความสำเร็จด้วยกฎแรงดึงดูด

กฎแรงดึงดูด คืออะไร ความเข้าใจในความคิดเห็นของผมมันคือ สิ่งที่เป็นตัวกำนดจากจิตใต้สำนึกของเรา และของทุกๆคน

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม หรือจะคิดอะไรก็ตามล้วนแล้วแต่มาจาก จิตใต้สำนึกเป็นตัวกำหนดทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวเราเป็นคนเลือก ดังนั้น จิตใจสำนึกจึงมีความสำคัญต่อตัวเรามากไม่ว่าจะทำอะไร เช่น เราจะกินอะไร ชอบอะไร เลือกอะไร ทำงานหรือเรียนอะไร ล้วนมากจากกระบวนการนึกคิด จากจิตใต้สำนึก หรือ กฎแรงดึงดูดนั่นเอง

คนเคยสังเกตุไหมเช่น บ้างครั้งไม่ได้เจอเพื่อน คนหนึ่งเป็นเวลานานมากแล้ว แค่เรานึกถึงนึกคิดกับเพื่อนคนนั้น ซักพัก เพื่อนคนนั้นก็จะโทรมาหาเราเอง เหมือนกับว่าเขาจะรู้ว่าเราคิดถึง หรือนึกอยากจะได้อะไร ก็จะมีวิธี หรือมีคนหยิบยื่นให้ โดยที่เราอาจจะไม่คาดคิดมาก่อน

ดังนั้นจึงบอกว่า จิตใต้สำนึกของคนเรามีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับไม่มีใครให้ความสนใจมากนัก คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เขาค้นพบว่า จิตใต้สำนึก หรือ กฎแรงดึงดูดมีพลังจนทำให้เขานั้นประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต

เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน

เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน

ตามหัวข้อเลยนะครับ จากที่ผมได้ประสบกับตัวเองมากับการที่เปลี่ยนความคิดนั้น ทำให้ผมนั้นมองเห็นด้านดีๆหลายๆด้านที่เราเคยผ่านมันมา แต่มองข้ามผ่านมันไปโดยไม่ได้นึกถึงมัน

คืออะไรก็คือ บางสิ่งบางอย่างเราไม่เคยมองเห็นค่าของมัน ไม่เคยใส่ใจรายละเอียดของมันเลย แต่พอได้ปรับเปลี่ยนความคิด และได้ปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่กลับ พบว่าสิ่งต่างๆและรายละเอียดเหล่านั้นมันมีคุณค่าโดยที่เราไม่รู้มาก่อน

ดังนั้นการจะทำอะไรก็ตาม ให้คิดก่อนทำ และมองดูรายละเอียดรอบๆด้าน เพื่อที่เราจะได้มองเห็นมุมมองต่างๆ ที่มีประโยชน์กับตัวเราเอง และที่สำคัญไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนความคิดเราได้ นอกจากตัวของเราเอง จะให้คนอื่นเปลี่ยนตามคิดเราก็คงไม่ได้ ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนความคิดของเราใหม่ แล้วจะเจอแง่มุม หรือมุมองที่ดีๆหลายอย่าง จากการเปลี่ยนความคิด

สิ่งที่ได้รับจาก Tim Ferriss

สิ่งที่ได้รับจาก Tim Ferriss

โดยใช้หลักการจากหนังสือ The 4-hour Workweek (สบายดีแต่รวยได้) เขียนโดย Tim Ferriss ซึ่งเป็นนักเขียน New York Times Best Sellers

สิ่งที่ผมได้ จากการศึกษา Tim Ferris ผิดหรือถูกเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเอง มีใจความที่สำคัญๆคือ มีเป้าหมายชัดเจน, มองหาช่องทาง ,วางแผนงาน, โฟกัส content , สานความสัมพันธ์ (connection) ,คิดและลงมือทำ สุดท้ายต้องเป็นผู้ให้ มากกว่าเป็นผู้รับ แล้วสิ่งนั้นจะย้อนกลับมาหาครับ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ เพื่อน และชื่อเสียงเงินทอง

ช่องทางการขาย Ebook

ช่องทางการขาย Ebook

บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเมื่อเราทำ Ebook แล้วจะขายที่ไหนและมีวิธีการขายแบบไหนบ้าง

1 ขาย Ebook บนเว็บไซต์ หรือบล็อกของเราเอง ซึ่งเราต้องมีเว็บไซต์หรือบล็อกของเราก็เพื่อที่จะขายของเราเอง ข้อดีคือเราจะได้เงิน หรือรายได้เกือบ 100% (ในกรณีที่ เช่า host และจด domain เพราะต้องหักค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่ถ้าใช้บล็อกฟรี หรือเว็บฟรี ก็จะได้ 100% เต็ม แต่เว็บฟรีๆพวกนี้มันไม่ค่อยดี เพราะมันไม่ใช่ของเรา มันจะแบนเราเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นให้ใช้แบบเสียตังจะดีกว่าครับ

2 ขายผ่านเว็บไซต์ที่เขารับฝากขาย เช่น Ookbee.com, Ebook.in.th, Se-ed book.com และ Mebmarket.com
แต่เว็บที่ฝากขายจะหักค่านายหน้า และค่าใช้จ่ายบางส่วน ในกรณีที่เราขายได้ แล้วเขาจะโอนเงินที่ขายได้ ผ่านบัญชีธนาคารที่เราผูกไว้กับเขา

                             ส่วนช่องทางการขายและการชำระเงิน

1 สมัครกับ Gumroad.com คือเป็นเว็บไซต์ในการที่นำ Ebook ของคุณเข้าระบบเขาแล้วเราจะได้ Link ให้ไปแปะบนเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อมีการกดซื้อ คลิ๊กที่ Link แล้วซื้อ ก็จะซื้อผ่านบัตรเครดิตได้ทันที

2 สมัครกับ Sellfy.com ลักษณะก็จะคล้ายกันกับ Gumroad.com

3 วิธีนี้เป็นแบบเก่าแต่ยังใช้ได้ดี โดยไม่มีการหักค่านายหน้า หรือค่าใช้จ่ายใดๆ ก็คือ โอนเงินผ่านตู้ ATM ในกรณีนี้เมื่อลูกค้าโอนเงินแล้ว จะต้องส่งหลักฐานการโอนเงิน หรือ Slip เข้ามาด้วย จากนั้นก็จะมีการตรวจสอบก่อนที่จะได้รับ หนังสือซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติแล้วน่าจะไม่เกิน 1-6 ชั่วโมง ก็จะได้รับหนังสือ Ebook

ทำ Affiliate กับ Zalora ไทย

ทำ Affiliate กับ Zalora ไทย

เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมแฟชั่นออนไลน์ พวกเสื้อผ้าแฟชั่นของผู้หญิง และ ผู้ชาย รวมทั้งเครื่องประดับ ซึ่งเราจะเป็นนายหน้าขายของให้ เราจะได้ค่าตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่น

ขั้นตอนการสมัคร
1เข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.zalora.co.th
2 เลื่อนลงมาข้างล่างเลือก Affiliate Program
3 กดเข้าสมัคร

ทำ Affiliate กับ Lazada Thailand

ทำ Affiliate กับ Lazada Thailand

เป็นการหารายได้บนโลก Im (Internet Marketing) กับ Lazada Thailand ซึ่งเป็นการทำ Affiliate Program คืออะไร บางคนไม่ทราบว่า Affiliate Program คืออะไร พูดง่ายๆมันก็คือ การที่เราเป็นนายหน้าขายของให้กับ Lazada Thailand ซึ่งเราจะได้ค่าตอบแทนเป็นค่า คอมมิชชั่นในการขายของนั้นได้ ค่าคอมมิชชั่นนี้จะได้lสูงสุดถึง 8% เลยทีเดียว

ค่าคอมมิชชั่นสูงขนาดนี้จึงมีคนให้ความสนใจในการที่จะเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือเป็นนายหน้าขายของให้

ขั้นตอนการสมัครตามนี้ครับ
1 ให้เราเข้าไปที่ http://www.lazada.co.th

แนวคิดแบบ ภาววิทย์ กลิ่นปทุม

แนวคิดแบบ ภาววิทย์ กลิ่นปทุม ในการทำงานและการใช้ชีวิต

แนวคิดแบบ ภาววิทย์ กลิ่นปทุม ในการทำงานและการนำไปปรับใช้ในชีวิตเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ

แต่ละคนมีเคล็ดลับความสำเร็จที่แตกต่างกัน คือ 3 คำนี้  "เก่ง กล้า และ อดทน"
- เก่ง เกิดจากความพยายามศึกษา ใฝ่รู้ อ่าน และต่อยอดในสิ่งที่รัก
- กล้า เกิดจากเรามีความมั่นใจในความรู้ ที่เรารู้จริง จนกล้าที่จะทำสวนทางกับคนส่วนใหญ่
-และอดทน คือ ทำสิ่งนั้นๆนานพอจนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญ จนเราสามารถดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน

#คิดแบบภาววิทย์ : หนังสือกระตุกต่อมคิด พลิกมุมองให้กล้าคิดและกล้าเลือก และทำในสิ่งที่รัก แม้มันจะไม่เหมือนใครก็ตาม